สาเกชั้นยอดย่อมต้องมาจากข้าวชั้นดี จึงไม่แปลกใจเลยที่แถบนิกาตะมีสาเกชื่อดังให้ได้ชิมกันไม่รู้เบื่อ เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกข้าวคุณภาพที่ส่งออกไปทั่วญี่ปุ่น ฉันรู้จักเมืองนี้เพราะต้องทำรีเสิชแผนท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟ JR แล้วพบว่า นิกาตะมีเมืองเล็กๆที่น่าเที่ยวซ่อนตัวอยู่มากมาย หนึ่งในที่ที่สร้างความประทับใจที่สุดและเชื่อว่าคงสร้างคนสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย คือ สถานี Echigoyuzawa ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Niigata(ราวครึ่งชั่วโมง)และหากเดินทางจากโตเกียวด้วยชิงกันเซนก็ใช้เวลาเพียง 1.20 ชั่วโมง จุดขายของสถานีแห่งนี้ คงเป็นร้านค้าที่ถูกจำลองด้วยบรรยากาศท้องถิ่น มีสินค้าให้เลือกระรานตา ทั้งของคาวหวานและแน่นอน สินค้าดาวเด่น คือ ข้าวญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นข้าวคุณภาพยอด ใครอยากทานข้าวอร่อยๆต้องมาจัดอาหารแถบนี้ให้ได้สักมื้อ ที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันและเป็นสาเหตุที่ฉันมาเยือนที่นี่ คือ Ponshukan ซึ่งรวมเอาสาเกกว่า 96 ชนิดมาไว้ให้นักท่องเที่ยวผู้มีใจรักในสาเกท้องถิ่นมาลองชิม ตัวร้าน Ponshukan ตั้งอยู่ภายในสถานี Echigoyuzawa เดินออกมาฝั่งร้านค้าจะเห็นป้ายบอกทางชัดเจน
ด้านหน้าร้านจะมีหุ่นซารารี่มังในชุดสูททั้งยืนกึ่มและนอนสบไสลอยู่ เป็นนัยว่า จิบสาเกแรงๆจนเมาไม่รู้เรื่องนั่นเอง เข้ามาด้านในเป็นเครื่องหยอดเหรียญที่มีป้ายทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษบอกชื่อ ชนิด แหล่งผลิต และรสชาติคร่าวๆของสาเกนั้นๆ สาเกบางชนิดได้รับรางวัล หรือเป็นที่นิยมก็จะมีสัญลักษณ์ติดไว้ด้วย การชิมสาเกก็ง่ายนิดเดียว คือเดินไปบอกคนขายที่เคาว์เตอร์ จ่ายเงิน 500 เยน จะได้เหรียญซึ่งไว้สำหรับหยอดตู้มา 5 เหรียญ พร้อมแก้วสำหรับจิบสาเกมาหนึ่งใบ เราก็นำแก้วไปวางและหยอดเหรียญเล็กๆที่เขาให้มาในตู้สาเกที่อยากลอง อึดใจเดียวจะมีสาเกไหลลงมาในปริมาณที่พอดิบพอดีกับขนาดแก้วของเรา ก็จิบชิมตามอัธยาศัย สำหรับมือใหม่หัดชิม แนะนำให้มองหาป้ายสีชมพู เพราะมันจะเป็นสาเกรสอ่อน (สาเกที่นี่แรงพอดูนะคะ ห้าแก้วทำเอาหน้าร้อนเลยล่ะ)
หลังจากชิมสาเกแล้ว ลองไปแช่สาเกออนเซนด้านในต่อได้อีกค่ะ เป็นออนเซนปกตินี่แหละแต่เขาผสมสาเกลงไป เวลาแช่ก็จะได้กลิ่นสาเกอ่อนๆ ก็นับเป็นตัวเลือกแก้เมื่อยจากการเดินทางได้ดีนะคะ ค่าบริการอยู่ที่ 800 เยนต่อคน มีอุปกรณ์ให้ครบ ไม่ต้องเตรียมอะไรไปค่ะ
